การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันได้มีการนำมาใช้ในหลายสาขาวิชาชีพ
ทั้งในด้านการศึกษา ด้านธุรกิจอุตสาหกรรม ด้านการแพทย์
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การทำงาน
การศึกษาหาความรู้ ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันดีขึ้น
นอกจากนี้หน่วยงานราชการต่างๆก็นำเทคโนโลยีสารสนเทศและ ระบบคอมพิวเตอร์
เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการติดต่อประสานงานกับทางราชการและในธุรกิจเอกชนทางด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว
ก็ให้บริการข้อมูลข่าวสารและบริการลูกค้าผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต
ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็วทันเหตุการณ์
เทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้สำหรับการเรียนการสอน
เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง สอนด้วยสื่ออุปกรณ์ที่ทันสมัย
ห้องเรียนสมัยใหม่ มีอุปกรณ์วิดีโอโปรเจคเตอร์ (Video Projector) มีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีระบบการอ่านข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบต่างๆ
รูปแบบของสื่อที่นำมาใช้ในด้านการเรียนการสอนก็มีหลากหลายขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำมาใช้
เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน อิเล็กทรอนิกส์บุค วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์
ระบบวิดีโอออนดีมานด์ การสืบค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์และระบบอินเทอร์เน็ต
เป็นต้น
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เป็นการนำเอาเทคโนโลยี
รวมกับการออกแบบโปรแกรมการสอนมาใช้ช่วยสอนซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่าบทเรียน CAI
( Computer - Assisted Instruction ) การจัดโปรแกรมการสอน
โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ในปัจจุบันมักอยู่ในรูปของสื่อประสม (Multimedia) ซึ่งหมายถึงนำเสนอได้ทั้งภาพ ข้อความเสียง ภาพเคลื่อนไหวฯลฯ
โปรแกรมช่วยสอนนี้เหมาะกับการศึกษาด้วยตนเองและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถโต้ตอบ
กับบทเรียนได้ตลอด จนมีผลป้อนกลับเพื่อให้ผู้เรียนรู้ บทเรียนได้อย่างถูกต้อง
และเข้าใจในเนื้อหาวิชาของบทเรียนนั้นๆ
การเรียนการสอนโดยใช้เว็บเป็นหลัก
เป็นการจัดการเรียน ที่มีสภาพการเรียนต่างไปจากรูปแบบเดิม
การเรียนการสอนแบบนี้ อาศัยศักยภาพและความสามารถของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ซึ่งเป็นการนำเอาสื่อการเรียนการสอน ที่เป็นเทคโนโลยี
มาช่วยสนับสนุนการเรียนการสอน ให้เกิดการเรียนรู้ การสืบค้นข้อมูล
และเชื่อมโยงเครือข่าย ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกสถานที่และทุกเวลา
การจัดการเรียนการสอนลักษณะนี้ มีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ การเรียนการสอนผ่านเว็บ
(Web-based Instruction) การฝึกอบรมผ่านเว็บ (Web-based
Trainning) การเรียนการสอนผ่านเวิล์ดไวด์เว็บ(www-based
Instruction) การสอนผ่านสื่อทางอิเล็กทรอนิกส์
(e-learning)เป็นต้น
อิเล็กทรอนิกส์บุ๊ค
คือการเก็บข้อมูลจำนวนมากด้วยซีดีรอม
หนึ่งแผ่นสามารถเก็บข้อมูลตัวอักษรได้มากถึง 600 ล้านตัวอักษร
ดังนั้นซีดีรอมหนึ่งแผ่นสามารถเก็บข้อมูลหนังสือ
หรือเอกสารได้มากกว่าหนังสือหนึ่งเล่ม และที่สำคัญคือการใช้กับคอมพิวเตอร์
ทำให้สามารถเรียกค้นหาข้อมูลภายในซีดีรอม ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ดัชนี
สืบค้นหรือสารบัญเรื่อง ซีดีรอมจึงเป็นสื่อที่มีบทบาทต่อการศึกษาอย่างยิ่ง
เพราะในอนาคตหนังสือต่าง ๆ จะจัดเก็บอยู่ในรูปซีดีรอม
และเรียกอ่านด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่าอิเล็กทรอนิกส์บุค ซีดีรอม
ข้อดีคือสามารถจัดเก็บ ข้อมูลในรูปของมัลติมีเดีย และเมื่อนำซีดีรอมหลายแผ่นใส่ไว้ในเครื่องอ่านชุดเดียวกัน ทำให้ซีดีรอมสามารถขยายการเก็บข้อมูลจำนวนมากยิ่งขึ้นได้
ข้อดีคือสามารถจัดเก็บ ข้อมูลในรูปของมัลติมีเดีย และเมื่อนำซีดีรอมหลายแผ่นใส่ไว้ในเครื่องอ่านชุดเดียวกัน ทำให้ซีดีรอมสามารถขยายการเก็บข้อมูลจำนวนมากยิ่งขึ้นได้
วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์
หมายถึงการประชุมทางจอภาพ โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย
เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างบุคคล หรือคณะบุคคลที่อยู่ต่างสถานที่
และห่างไกลกันโดยใช้สื่อทางด้านมัลติมีเดีย ที่ให้ทั้งภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง
เสียงและข้อมูลตัวอักษร ในการประชุมเวลาเดียวกันและเป็นการสื่อสาร 2 ทาง จึงทำให้ ดูเหมือนว่าได้เข้าร่วมประชุมร่วมกันตามปกติ ด้านการศึกษาวิดีโอเทคเลคอนเฟอเรนซ์
ทำให้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ผ่านทางจอภาพ โทรทัศน์และเสียง
ระบบวิดีโอออนดีมานด์
(Video on
Demand)
เป็นระบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมนำมาใช้ ในหลายประเทศเช่น
ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง
ทำให้ผู้ชมตามบ้านเรือนต่าง ๆ สามารถเลือกรายการวิดีทัศน์
ที่ตนเองต้องการชมได้โดยเลือกตามรายการ (Menu) และเลือกชมได้ตลอดเวลา
วิดีโอออนดีมานด์ เป็นระบบที่มีศูนย์กลาง การเก็บข้อมูลวีดิทัศน์ไว้จำนวนมาก
โดยจัดเก็บในรูปแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ (Video Server) เมื่อผู้ใช้ต้องการเลือกชมรายการใด
ก็เลือกได้จากฐานข้อมูลที่ต้องการ ระบบวิดีโอ ออนดีมานด์จึงเป็นระบบที่จะนำมาใช้
ในเรื่องการเรียนการสอนทางไกลได้ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา
ผู้เรียนสามารถเลือกเรียน ในสิ่งที่ตนเองต้องการเรียนหรือสนใจได้
การสืบค้นข้อมูล
(Search Engine)
ปัจจุบันได้มีการกล่าวถึงระบบการสืบค้นข้อมูลกันมาก
แม้แต่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ก็มีการประยุกต์ใช้ไฮเปอร์เท็กซ์ในการสืบค้นข้อมูล
จนมีโปรโตคอลชนิดพิเศษที่ใช้กัน คือ World Wide Web หรือเรียกว่า www. โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้โปรโตคอล http เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบไฮเปอร์เท็กซ์ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
ไฮเปอร์เท็กซ์มีลักษณะเป็นแบบมัลติมีเดีย เพราะสามารถสร้างเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่
ที่เก็บได้ทั้งภาพ เสียงและตัวอักษร มีระบบการเรียกค้นที่มีประสิทธิภาพ
โดยใช้โครงสร้างดัชนีแบบลำดับชั้นภูมิ โดยทั่วไป
ไฮเปอร์เท็กซ์จะเป็นฐานข้อมูลที่มีดัชนีสืบค้นแบบเดินหน้า
ถอยหลังและบันทึกร่องรอยของการสืบค้นไว้
โปรแกรมที่ใช้ในการสร้างไฮเปอร์เท็กซ์มีเป็นจำนวนมาก
ส่วนโปรแกรมที่มีชื่อเสียงได้แก่ HTML Compossor FrontPage
Marcromedia DreaWeaver เป็นต้น
การสืบค้นข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
1. ที่อยู่ของเว็บไซต์ที่ต้องการค้น ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เราสามารถติดต่อได้กับคนทั่วโลกอย่างไม่มีขอบ เขต สามารถเข้าถึงระบบสารสนเทศต่าง ๆ ข้อมูลต่างๆ
ที่ได้รับก็มีอยู่มากมาย ซึ่งผู้ใช้ข้อมูลจำเป็นต้องเรียนรู้การเลือกข้อมูล
ให้ได้ตรงกับความต้องการ ดังนั้น ผู้ใช้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจึงจำเป็นต้องทราบที่อยู่ของผู้ให้
บริการข้อมูล นั่นก็คือ ทราบ Url หรือ Address ของผู้ให้บริการข้อมูลนั่นเอง
2. รู้จักวิธีการค้นข้อมูล
2. รู้จักวิธีการค้นข้อมูล
3. รู้จักวิธีการอ่านผลการสืบค้น
หลังจากที่ได้เริ่มต้นทำการพิมพ์คำที่ต้องการค้นหาหรือเลือกรายการหมวดหมู่เมนูการค้น
ผู้ค้นข้อมูลจะต้องติดตามผลการค้นจนกว่าจะได้ข้อมูลครบตามที่ต้องการสำหรับ
ผู้ให้บริการค้นข้อมูลก็จะต้องอำนวยความสะดวก ทั้งการจัดทำหน้าจอสำหรับการสืบค้นและการจัดลำดับหัวข้อเรื่องให้กับผู้ใช้บริการด้วย
4. รู้จักวิธีการจัดเก็บผลการสืบค้น
5. รู้วิธีการเผยแพร่การสืบค้น
ผู้ให้บริการค้นข้อมูลก็จะต้องอำนวยความสะดวก ทั้งการจัดทำหน้าจอสำหรับการสืบค้นและการจัดลำดับหัวข้อเรื่องให้กับผู้ใช้บริการด้วย
4. รู้จักวิธีการจัดเก็บผลการสืบค้น
5. รู้วิธีการเผยแพร่การสืบค้น
วิธีการสืบค้นข้อมูล
สามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้
1. การค้นหาข้อมูลโดยการใช้คำค้นหา วิธีนี้เหมาะกับการหาข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจงเนื้อหา โดยการพิมพ์คำหรือข้อความที่ต้องการค้นส่งไปในช่องสำหรับค้นหา
2. การค้นหาข้อมูลจากรายการข้อมูลที่จัดทำเป็นหมวดหมู่ไว้แล้ว วิธีนี้เหมาะกับการค้นหาข้อมูลที่เป็นหมวดใหญ่ๆ หรือการค้นหาแบบกว้างๆ ไม่เจาะจง
1. การค้นหาข้อมูลโดยการใช้คำค้นหา วิธีนี้เหมาะกับการหาข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจงเนื้อหา โดยการพิมพ์คำหรือข้อความที่ต้องการค้นส่งไปในช่องสำหรับค้นหา
2. การค้นหาข้อมูลจากรายการข้อมูลที่จัดทำเป็นหมวดหมู่ไว้แล้ว วิธีนี้เหมาะกับการค้นหาข้อมูลที่เป็นหมวดใหญ่ๆ หรือการค้นหาแบบกว้างๆ ไม่เจาะจง
ประเภทการสืบค้นข้อมูล
เนื่องจากภายในอินเทอร์เน็ต มีข้อมูลอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงได้มีผู้ที่รวบรวมข้อมูลเหล่านั้นให้เป็นหมวดหมู่ ที่จะง่ายต่อการค้นหาซึ่งเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่นี้ คือ เว็บไซต์ค้นหาข้อมูล (Search
Engines) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. Search
Engines เป็นเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลที่ใช้โปรแกรมอัตโนมัติ
(Robot)ในการค้นหา และรวบรวมข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆเว็บไซต์ประเภทนี้จะเหมาะสำหรับการค้นหาข้อมูลแบบจำเพาะเจาะจง
ตัวอย่างการค้นหาข้อมูล โดยใช้เว็บประเภทโดยใช้เว็บไซต์ ซึ่งทำได้โดยคลิกเมาส์เลือกชื่อของหมวดหมู่เว็บที่น่าสนใจ จากนั้นชื่อเว็บที่ต้องการก็จะปรากฏขึ้น
2. Search
Directories เป็นเว็บไซต์ที่ทำการค้นหาข้อมูล
โดยมีการจัดหมวดหมู่ของข้อมูลที่เหมาะสมแต่ก็มีข้อจำกัด คือ
ปริมาณข้อมูลอาจจะไม่ครอบคลุมทุกเว็บไซต์ เว็บไซต์ข้อมูลประเภทนี้เหมาะสม
กับการค้นหาข้อมูลที่เป็นหมวดใหญ่ ๆ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อินทราเน็ต คือ
ระบบเครือข่ายซึ่งใช้กันเฉพาะภายในโดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับอินเทอร์เน็ตและใช้โปรโตคอลเดียวกันด้วยลักษณะการใช้งานที่เฉพาะภายในกลุ่มจึงทำให้อินทราเน็ตมีความปลอดภัยสูง
มักถูกนำเอาไปใช้งานกับองค์กร บริษัท หรือหน่วยงานต่างๆในการจัดการภายใน
ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บเอกสาร การเผยแพร่ข่าวสาร
ระบบเงินเดือน ห้องสนทนา และอื่นๆอีกมากมาย
เอ็กซ์ทราเน็ต คือ ระบบเครือข่ายซึ่งเชื่อมเครือข่ายของอินทราเน็ตเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ภายนอก
หรือเชื่อมอินทราเน็ตกับอินทราเน็ตอีกที่หนึ่งเข้าด้วยกัน
ลักษณะการทำงานจะเหมือนกันอินทราเน็ตแต่ว่าเชื่อมแต่ละที่ให้เข้าหากัน
เพื่อจุดประสงค์การทำงานที่เพิ่มขึ้น
เช่นการดูแลจัดการสำนักงานของบริษัทแต่ละสาขาเข้าด้วยกัน เป็นต้น โดยการเชื่อมต่อมักจะปิดกั้นเฉพาะภายใน
แต่อาจมีการเปิดให้ผู้ใช้งานภายนอกเข้ามาใช้งานหรือแบ่งระดับการเข้าใช้ข้อมูลได้เช่นกัน
อินเทอร์เน็ต (internet) คือ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันจำนวนมากและครอบคลุมไปทั่วโลก
เครือข่ายนี้เชื่อมเข้าหากันภายใต้กฎเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน (TCP/IP)ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันได้
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารอย่างหนึ่งที่เกิดจากการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์นิยมเรียกสั้นๆว่า
อีเมล์ มาจากภาษาอังกฤษคำว่า อิเล็กทรอนิกส์เมล์ (E-mail = Electronic
Mail) หรือเรียกว่า
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์มีลักษณะการรับและส่งข้อมูลเหมือนกับการติดต่อสื่อสารประเภทจดหมาย
คือ
มีการพิมพ์ข้อความผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วแปลงเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์แทนการเขียนข้อความลงในกระดาษ
แล้วใช้การส่งข้อมูลผ่านทางระบบเครือข่ายจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งแทนการส่งจดหมายผ่านทางไปรษณีย์
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ยังสามารถใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในบริษัทหรือสำนักงาน
โดยใช้โปรแกรมไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เฉพาะภายในบริษัทหรือสำนักงาน
ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือไม่ก็ได้
กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์
(Web forum)
เป็นการติดต่อสื่อสาร ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่คล้ายกับการเขียนข้อความ ไว้บนกระดาน
เพื่อให้กลุ่มคนที่ต้องการจะสื่อสารกันมาอ่านและเขียนโต้ตอบกันได้แต่กระดานในที่นี้เป็นกระดานอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้แต่ละราย ปัจจุบันนี้
เว็บไซต์บางแห่งจัดตั้งเป็นเวทีแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆแยกเป็นแต่ละกระดานสำหรับแต่ละเรื่องเช่น กรณีเว็บไซต์ www.pantip.com เป็นต้น นอกจากนั้นเว็บไซต์บางแห่งอนุญาตให้มีการจัดตั้ง“ชุมชน” สำหรับกลุ่มคนที่มีความสนใจเรื่องเดียวกันใช้สื่อสารกันด้วยจดหมาย เอกสาร
รูปภาพ ฯลฯ นักศึกษาสามารถเข้าไปดูตัวอย่างกิจกรรมประเภทนี้ได้ที่http://groups.msn.com/
ห้องสมุด
แหล่งข้อมูลความรู้
ห้องสมุด คือแหล่งรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศทุกประเภท
ทั้งที่เป็นวัสดุตีพิมพ์ วัสดุไม่ตีพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
มีการคัดเลือกและจัดหาเข้ามาอย่างทันสมัย
สอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของผู้ใช้ มีบรรณารักษ์เป็นผู้ดำเนินงานและจัดบริการต่างๆอย่างเป็นระบบ
วิธีการที่ใช้กันในห้องสมุดต่างๆทั่วโลกนั้นเรียกว่าการจัดทำบัตรรายการและการกำหนดหมู่ เลขรหัส สำหรับหนังสือแต่ละเล่มหรือเอกสารแต่ละชิ้น
การกำหนดหมู่เลขรหัสที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย มี 2 ระบบ ระบบแรกเรียกว่าระบบดิวอี้
(Dewy Decimal System) นิยมใช้กันตามสถาบันการศึกษาส่วนระบบที่สองเป็นระบบใหม่กว่าเรียกว่าระบบแอลซี
(Library of congress System) เป็นระบบที่คิดขึ้นมาใช้สำหรับห้องสมุดรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งเป็นห้องสมุดที่มีจำนวนหนังสือ และเอกสารมากที่สุดในโลก
ระบบดิวอี้ (Dewy Decimal System)
ระบบแอลซี (Library of congress System)
ระบบ LC Syste m จัดหมวดหมู่สิ่งพิมพ์ในห้องสมุดโดยแบ่งประเภทตามสาขาความรู้ 21 สาขาและใช้อักษรA– Z (ยกเว้น I, O, W, X และ Y) แทนแต่ละสาขา นอกจากนั้นยังมีการจัดแบ่งเป็นสาขาย่อยโดยใช้อักษรอีก
1 – 2 ตัว และตัวเลขอีกจำนวนหนึ่งแทนสาขาย่อยนั้นๆ อักษรที่แทนสาขาหลักมีความหมาย ดังต่อไปนี้
A – ทั่วไป H – สังคมศาสตร์
Q – วิทยาศาสตร์
B – ปรัชญา จิตวิทยา และศาสนา J – การเมือง R
– แพทยศาสตร์
C – ศาสตร์ข้างเคียงของประวัติศาสตร์ K – กฎหมาย S – เกษตรศาสตร์
D
– ประวัติศาสตร์ทั่วไปและนอกสหรัฐฯ L
– การศึกษา T – เทคโนโลยี
E – ประวัติศาสตร์สหรัฐฯ M – ดนตรี U–วิทยาศาสตร์การทหาร
F – ประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ท้องถิ่นและทวีปอเมริกา N – ประณีตศิลป์ V –วิทยาการ
G – ภูมิศาสตร์, มานุษยวิทยา, นันทนาการ นาวี P - ภาษาและรรณคดี Z–บรรณารักษ์ศาสตร์และสารสนเทศวิทยา
ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
Digital Library
(ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์) หมายถึง
การจัดเก็บสารสนเทศในรูปของสื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนที่จะจัดเก็บในรูปของสื่อพิมพ์ขณะนี้ได้เริ่มมีการใช้วิธีการเช่นนี้แล้ว แต่คงต้องรออีกนานทีเดียวกว่าที่ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถแทนที่ห้องสมุดแบบดั้งเดิมหรือแม้แต่เพียงจะสามารถมีบทบาทเทียบเคียงกับห้องสมุดแบบดั้งเดิม
ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ต่างกับห้องธรรมดาตรงที่ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ไม่จำเป็นต้องมีอาคารสถานที่เพียงแต่มีคอมพิวเตอร์แม่ข่าย
(Sever)สำหรับเก็บข้อมูลมีเครือข่าย (Network)ต่อเชื่อมไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Clients)
ที่ให้บริการ ซึ่งอาจกระจายอยู่ตราที่ต่างๆก็ได้เครือข่ายนั้นจะเป็นเครือข่ายส่วนตัว ( Private Network หรือ Intranet) ที่ใช้ภายในองค์กรก็ได้หรือจะเป็นเครือข่ายสาธารณะเช่น อินเทอร์เน็ต
ที่ให้บริการ ซึ่งอาจกระจายอยู่ตราที่ต่างๆก็ได้เครือข่ายนั้นจะเป็นเครือข่ายส่วนตัว ( Private Network หรือ Intranet) ที่ใช้ภายในองค์กรก็ได้หรือจะเป็นเครือข่ายสาธารณะเช่น อินเทอร์เน็ต
แหล่งข้อมูลของประเทศไทยบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ประเทศไทยเราก็ได้มีการจัดตั้งเว็บไซต์ขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งของภาครัฐและของภาคเอกชนในที่นี้จะได้กล่าวถึงเว็บไซต์ที่คิดว่าจะมีประโยชน์สำหรับนักศึกษาโดยจะแยกกล่าวเป็นแต่ละประเภทของข้อมูลหลักในเว็บไซต์นั้นๆ
เว็บไซต์ประเภท Portal หรือ Gateway หรือชุมทาง
เว็บไซต์ประเภทของการศึกษา
เว็บไซต์ประเภทท้องถิ่น
เว็บไซต์ประเภทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เว็บไซต์ประเภทพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น